.

วันอังคารที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2558

ความรู้สึกแย่ๆเวลาเข้าร้านมือถือ (18+)


     เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสเดินดูมือถือตามบูธต่างๆในห้าง แล้วเจอเหตุการณ์แย่ๆที่เจอมาบ่อยๆ เลยอยากแชร์ความรู้สึกกันสักหน่อย ที่สำคัญต้องบอกก่อนเลยว่า นี่เป็นแค่ความรู้สึกส่วนตัวเท่านั้น ไม่ได้พาดพิงถึงใครทั้งสิ้น และผมเชื่อว่าใครหลายๆคนก็คงรู้สึกแบบผมเหมือนกัน เลยเขียนบทความนี้เพื่อให้ใครสักคนที่คิดจะเปิดร้าน ทั้งในห้างหรือที่ส่วนตัวก็ดี พยายามอย่าทำสิ่งต่อไปนี้ มิฉะนั้น ลูกค้าอาจจะไม่เข้าร้านคุณเลยก็ได้ .. หึหึ


1.พนักงานต้อนรับมารยาทแย่
     แค่เข้าร้านก็โดนซะแล้ว... ทำเอาหมดอารมณ์กันเลยทีเดียว คือถ้าไม่อยากเต็มใจบริการก็นอนอยู่บ้านเถอะพี่ คนที่เค้ามารยาทดีๆพร้อมต้อนรับเยอะแยะ ผมเคยเจอแย่สุดคือตอนแต่งตัวโทรมๆ (เสื้อคอห่าน + บ็อกเซอร์ + รองเท้าแตะแต่เล็บตีนไม่ดำแบบพี่แซ่บนะ อิอิ) พนักงานงี้มองแบบดูถูกอะ เดินออกจากร้านแม่งเลย ไม่ไหวจริงๆ ใครที่เปิดร้านหรือคิดจะเปิดร้าน ช่วยคัดพนักงานต้อนรับดีๆหน่อยเถ๊อะ


2.มายืนกดดันอยู่ข้างๆ ชนิด "มึงลองแล้วต้องซื้อ!"
     มือถือเครื่องนึงไม่ใช่ 100 - 200 นะพี่! เฮ้ย!! มันต้องลองกันบ้างดิ จับๆดูเหมาะมือป่าว เทสกล้องเทสเกม ดูวิคเจสต่างๆ คือเช็กให้เยอะสุดเท่าที่จะทำได้ เพราะไม่อยากเสียดายหลังจากซื้อมาแล้ว (ผมเปลี่ยนมือถือบ่อยมาก เลยเจ็บมาเยอะ) แต่พนักงานขายบางคนไม่ค่อยอยากให้ผมจับสักเท่าไหร่ แค่แตะเครื่องเท่านั้นแหละ พี่แกชาร์จตัวผมทันที! ยังกะบอร์ดี้กาก เอ้ย! บอร์ดี้การ์ดส่วนตัว คือบางทีไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ "มันกดดันเว้ยยยยย" จะเทสเยอะก็ไม่ได้กลัวไม่ซื้อแล้วจะอวยพรให้พ่อแม่ตามหลัง เลยต้องออกจากร้านไปทั้งๆที่ไม่ได้ลองแบบเต็มสูบด้วยซ้ำไป ทางที่ดีคือยืนอยู่ห่างๆสัก 2 เมตร ถ้าผมสงสัยอะไรผมจะเรียกพี่มาเองแล้วกัน พี่จะได้ไม่ต้องเหนื่อยด้วย Win กันทั้งคู่เลย เน๊อะๆ


3.อวยแบรนด์ที่ตนเองได้เปอร์เซ็นต์เยอะจนน่าเกลีย
     สำหรับผมแล้ว เป็นอะไรที่รับไม่ค่อยได้อย่างแรง ผมถือว่าเค้ากำลังหลอกลวงผู้บริโภคทางอ้อมอย่างหนึ่ง อะไรดีก็ควรบอกดี อะไรมันแย่กว่าก็บอกแย่ คุณสบายใจ ลูกค้าก็สบายใจ
     ยกตัวอย่างมือถือ A กล้อง 8MP , มือถือ B กล้อง 13MP แต่คุณภาพกล้อง A มันดีกว่า B เยอะ คนขายเองก็อวยมือถือ B เหลือเกิ๊น ประมาณ " โหพี่คะ เนี่ยนะ 13MP เชียวนะ 8MP สู้ไม่ได้หรอก แถมถูกกว่าด้วยนะ ซื้อสิคะ ซื้อเลยๆ " แบบเนี๊ย คือถ้าเจอปุ๊บผมจะออกจากร้านทันที ผมถือว่าเขาไม่ซื่อสัตย์กับผม ไม่มีความจำเป็นใดๆที่ผมต้องอุดหนุน หึหึ โหดสัสกันเลยทีเดียว


4.พนักงานขายข้อมูลไม่พร้อม ถามอะไรตอบไม่ได้
     ไอเวลาที่เราอยากถามเนี่ยนะ มักจะไม่ค่อยตอบอะไรที่ตรงประเด็นสักเท่าไหร่ บางทีอ้อมไปสิบไมล์ หรือบางทีตอบกลับมาตรงๆเลย "ไม่รู้ครับ /ไม่ทราบเหมือนกันคะ" ถ้าเป็นบูธที่มือถือเยอะหน่อยเนี่ย แบบหลายแบรนด์ไรงี้ ผมเข้าใจ แต่พวกที่เป็นบูธเฉพาะแบบ แบรนด์นั้นแบรนด์เดียวเนี่ย แล้วมีไม่กี่รุ่นหรอกหรอก กลับตอบไม่ได้ ไม่รู้อะไรเลยนอกจากสเปกที่ติดอยู่ข้างๆ เฮ้ยยย วันๆนึงพวกพี่ทำอะไรกันอยู่ครับ หาข้อมูลหน่อยสิ ขนาดคนขายยังไม่รู้ แล้วคนซื้อจะกล้าซื้อได้ไง จริงมะ?


5.ตอนซื้อยังกะพระเจ้า ตอนเคลมยังกะขี้ข้า
     บริการหลังการขายอีกสิ่งหนึ่งที่ผมจะตัดสินใจซื้อมือถือสักเครื่อง เรื่องอัพเดท Rom เป็นเวอร์ชั่นใหม่สำหรับผมไม่ค่อยซีเรียสสักเท่าไหร่ แต่การเคลมสินค้าที่จริงใจและรวดเร็วสำหรับผมมองว่าเป็นเรื่องที่น่าจะซีเรียสมากกว่า ผมเคยเคลมมือถือแบรนด์ A... (ไปหาเอง เค้าดังเรื่องนี้) คือนานม๊ากกกกกกกก นัดแล้วนัดอีก โทรตามแล้วโทรตามอีก สอบถามอะไรไปก็ไม่ได้ข้อมูลที่เป็นเนื้อๆสักเท่าไหร่ กว่าจะได้กลับมาผมก็ซื้อเครื่องใหม่ละ (เกือบๆ 4 เดือน) ถามว่าของเค้าดีไหม ดีครับยอมรับ แต่ช่วยดูแลบริการหลังการขายให้มันดีๆให้คุ้มกับที่ไว้วางใจหน่อยก็ดี ไม่งั้นลูกค้าอาจจะไม่ซื้อมือถือของคุณอีกเป็นครั้งที่สองแล้วนะ

สรุปส่งท้าย : บทความนี้ ไม่มีอะไรเป็นสาระสักเท่าไหร่ ระบายซะมากกว่า ฮ่าๆ ยังไงก็ฝากให้กับคนที่คิดจะซื้อ หรือคิดจะเปิดร้านขายมือถือได้ลองนำไปเลือกร้านหรือพัฒนาบริการให้ดีขึ้นยิ่งกว่าเดิม เพื่อความสุขโดยรวมของมวลมนุษยชาตินะจ้ะ เชื่อเถอะ "ทำดี ยังไงก็ได้ดีวันยังค่ำแหละ"

**รูปทุกรูปไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับบทความนี้นะจ้ะ ยืมรูปมาเฉยๆ อิอิ**