กราบสวัสดี พี่ป้าน้าอาทุกคนด้วยนะครับ กลับมาอีกครั้งกับการรีวิวสมาร์ทโฟนรุ่นท็อปสุดจากค่าย VIVO ในบ้านเรา ที่ปล่อยคลิปรีวิวและพรีวิวไปได้รับกระแสตอบรับดีมาก ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของปีเลยทีเดียว
สำหรับใครที่ยังไม่ดู พรีวิวแกะกล่องตัวเครื่อง + ของแถมภายในกล่อง สามารถตามไปดูคลิปนี้ได้เลยจ้า
และสำหรับคนที่อยากดู รีวิวแบบตลกโปกฮาผ่าน Youtube จากพวกเรา สามารถตามไปดูคลิปนี้ได้เลยจ้า
Full Spec : VIVO X21
Display : 6.28" สัดส่วน 19:9 ความละเอียด Full HD Plus
OS: Android 8.1.0
CPU : Qualcomm SDM660 Snapdragon 660
RAM : 6GB
ROM : 128GB + SD Card ได้สูงสุด 256GB (ใช้ถาดซิม 2)
Camera : กล้องหลังคู่ Dual: 12 MP (f/1.8, 1/2.5", 1.4µm, Dual Pixel PDAF) + 5 MP (f/2.4), phase detection autofocus, LED flash
กล้องหน้า : 12 MP, f/2.0
Battery : 3200mAh + ชาร์จไว
SIM : 2 SIM
- ฟีเจอร์
ฟีเจอร์ที่ให้มาสำหรับ VIVO X21 (อ่านว่า สองหนึ่งนะ ไม่ใช่ ยี่สิบเอ็ด) หลักๆจะเป็นเกี่ยวกับความปลอดภัยที่อัพเกรดจากสมาร์ทโฟนปัจจุบันที่แสกนนิ้วอยู่ด้านหน้าหรือด้านหลังตัวเครื่อง ไปเป็นแสกนนิ้ว "ใต้จอ" ซึ่ง VIVO เป็นเจ้าแรกที่สามารถทำออกมาแล้ววางขายในราคาที่สามารถซื้อได้
ปรบมือ!!!
เทคโนโลยีนี้เราเห็นกันเมื่อปีที่แล้วปลายๆปีที่แล้ว และวันนี้ก็มาให้เราใช้กันแบบจริงๆสักที หลักการทำงานเบื้องหลังนั้นจะใช้คลื่น Ultra Sonic ในการแสกนนิ้วทะลุขึ้นมาจากใต้จอ กระทบกับนิ้วของเราแล้วนำคลื่นที่สะท้อนกลับไปวิเคราะห์หาตัวบุคคลนั่นเองครับ
จากที่ลองนำไปใช้งานจริงมาในชีวิต บอกเลยว่าใช้ได้จริง ไม่ต่างกับแสกนนิ้วที่เราใช้ๆกันอยู่เลย ความเร็วในการปลดล็อคด้วยวิธีการนี้จะอยู่ที่ราวๆ 0.5 -1 วินาที
ในส่วนของการปลดล็อคด้วยวิธีการอื่นก็ยังมีแสกนด้วยในหน้า อันนี้จะเร็วกว่ามากๆ ประมาณ 0.25-0.5 วิก็สามารถปลดล็อคได้
หรือจะชอบแบบดั้งเดิม พาสโค๊ดก็ยังมีอยู่เช่นกัน
- โซเชียลมีเดียร์ / ดูหนังฟังเพลง
สำหรับเจ้าแม่เฟสบุ๊ค แม่ค้าขายของ หรือผู้ที่ชื่นชอบการเล่นโซเชียลเป็นหลัก อันนี้ไม่ควรพลาด
Spec ที่ให้มาค่อนข้างแรงพอตัว ทั้ง CPU RAM ROM รวมถึง OS ตัวใหม่ที่ให้มาเหลือกินเหลือใช้สำหรับการใช้งานแค่นี้
VIVO จะมีเอกลักษณ์อย่างนึงคือฟิลลิ่งการทัชลื่นมากกกกกกก เวลาสไลด์ Facebook นี่จะรู้สึกได้เลย ทัชทีไปดาวอังคาร
แบตเตอรี่ให้มา เพียงพอต่อการใช้งานใน 1 วันแบบสบายๆ ไม่ต้องกังวลหรือหากใครใช้เยอะเป็นพิเศษ ตัวนี้มีฟังก์ชั่นชาร์จไวมาให้เช่นเดียวกัน เล่นไป ยาวๆ
สำหรับการดูหนัง หน้าจอใหญ่ขนาดนี้ดูหนังฟินๆ สบายๆไม่ต้องเพ่ง สีสันสวยกำลังดี
ไฮไลท์คงจะหนีไม่พ้นการฟังเพลง "ฟังเพลงเพราะมากกกกกกกกก" สำหรับใครที่ชอบฟังเพลง จัดเลยครับไม่ผิดหวัง
- กล้อง
กล้องหน้าตัวนี้ให้มาที่ 12MP f2.0 พร้อมด้วยโหมดบิวตี้เอกลักษณ์ของ Vivo เกลี่ยผิวได้เนียน สว่างใส เหมาะแก่การเซลฟี่เป็นอย่างมาก
หลังจากที่นำไปทดลองใช้มา เป็นกล้องที่มีสกินโทนออกแนวสว่าง คอนทราสไม่จัดจ้าน ให้ความรู้สึกนุ่มนวลมากกว่ากล้องโดยทั่วไป โหมดหน้าชัดหลังเบลอถือว่าทำออกมาได้ดี ไม่ดูหลอกจนเกินไป สามารถนำไปใช้งานได้จริง
กล้องหน้าธรรมดา
กล้องหน้าเปิดโหมดบิวตี้
ตัวอย่างภาพจากกล้องหน้า
เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับ iPhone X แบบชัดๆ
กล้องหลังเป็นแบบกล้องคู่ตามสมัยนิยม ด้วยสเป็คค่อนข้างโหด Dual: 12 MP (f/1.8, 1/2.5", 1.4µm, Dual Pixel PDAF) + 5 MP (f/2.4)
จากที่ลองใช้มา กล้องหลังสามารถถ่ายภาพออกมาได้ดี อาจจะมีหน่วงๆบ้างในเวลากลางคืนที่มืดสนิท แต่หากใช้งานกลางวันทั่วไปสบายๆไม่มีปัญหาครับ ที่สำคัญรุ่นนี้สามารถถ่าย Video ได้ความละเอียดสูงถึง 4K 30fps อีกด้วย
ตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง
- เกม
ด้วยสเปคที่ให้มาอยู่ในช่วงบนของตลาด อาจจะไม่ได้แรงถึงขนาด Snapdragon 845 หรือ 835 แต่สามารถเล่น ROV , PUBG , ที่ปรับสุด อัดหน้าจอ และสตรีมไปพร้อมๆกันได้อย่างสบาย (สำหรับการสตรีมเกม หากต้องการสตรีมเกมที่ไฟล์ใหญ่มากๆ เช่น PUBG แนะนำปรับกลางจะดีที่สุด)
ข้อดีของ Snapdragon 660 ที่เจอมาคือแม้จะเล่นเกมโหดๆ ก็ยังจัดการพลังงานอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก ความร้อนของเครื่องเมื่อเทียบกับ Snapdragon 845 หรือ 835 เมื่อเล่นเกมเดียวกันแล้ว ร้อนน้อยกว่าอยู่พอสมควร
- เซ็นเซอร์
เซ็นเซอร์ให้มาครบๆ ใช้งานได้จริง รุ่นนี้มีไจสโคปมาให้หากต้องการเล่น VR หรือเกมที่ต้องการใช้งานเซ็นเซอร์ตัวนี้ก็สามารถใช้งานได้เลย
มีมาครบๆ
สรุปส่งท้าย
คงประมาณนี้สำหรับการรีวิว VIVO X21 ที่ส่วนตัวแล้วเป็นสมาร์ทโฟนอีกรุ่นนึงที่ชอบเอามากๆ ฟิลลิ่งการใช้งานดี ทัชลื่น โซเชียลลื่นปี๊ดๆ แถมมีชิปเสียงแยกให้อีกตังหาก
ว้าวที่สุดคงจะหนีไม่พ้นแสกนลายนิ้วมือบนหน้าจอที่ VIVO สามารถทำออกมาขายในราคาที่ถูกมากๆเมื่อเทียบกับแสกนนิ้วมือใต้จอของแบรนด์อื่นๆ บวกกับความใหม่ของเทคโนโลยีตรงนี้ถือว่าน่าสนใจอยู่ไม่น้อย
จุดตินึงที่เจอมาแล้วอยากจะมาเล่าคือพอร์ทเชื่อมต่อยังเป็นแบบ Micro USB อยู่ซึ่งถ้าใครชอบพอร์ทแบบ Type-C ก็อาจจะเก็บไปพิจารณากันสักนิดนึงครับ