.

วันอาทิตย์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2560

รีวิว Silver Bullet MOD หูฟังโคตรของโคตรเบสในเรทไม่เกิน 300 บาท [ พร้อมเปรียบเทียบ Ear Pod ]


     กลับมาอีกแล้วจ้าาา กับรีวิวหูฟังสำหรับคนที่ชอบเสียงเบสแบบเข้าเส้นในเรทราคาไม่เกิน 300 บาท เป็นอีกหนึ่งตัวที่ลองแล้วชอบมากกกกกกก ทั้งเบสหนัก แน่น นุ่ม บอดี้โลหะแถมมีไมค์สนทนาอีก! อะจ๊ากกก เอากับพี่แก วัดเสียงกับราคาแล้ว ... 260 บาทได้ขนาดนี้เอาไปเถ๊อะ คุ้ม!!

      รีวิวนี้เราจะมาดูกันว่ามีอะไรดี อะไรเด่น เทียบกับ Ear Pod หูฟังประจำกายของเหล่า iPhone จะพอสู้กับเค้าได้บ้างหรือเปล่า ถ้าพร้อมแล้ว ลุยยย!!


อุปกรณ์ที่ใช้ในการเทส : 

- Apple iPhone 6
- OPPO R9s Plus

ราคาค่าตัว : 260 บาท (แถมฟรีจุกยาง 3 Size) สามารถซื้อได้ที่ร้าน "เบสหนัก.คอม"



- วัสดุและงานประกอบ -


วัสดุตัว Body จะเป็นโลหะสีเงิน ผิวเป็นริ้วๆ ดูดีมีระดับ .. แต่ผมจับแล้วมันจั๊กจี้ยังไงไม่รู้ (แค่ผมนะ เหมือนเอามือไปขูดกระดานดำอะ ขนลุก)


Body แบบนี้เลยครับพี่น้อง


ตัวสายจะเป็นยางนุ่มนิ่ม ถ้านึกฟิลลิ่งไม่ออกก็เหมือนกับสายของ Ear Pod เลย


ยืดหดได้นิดหน่อยพอประมาณ


ภาพรวมประมาณนี้


ผมชอบรุ่นนี้ตรงมีไมค์สนทนามาให้ด้วยนี้แหละ เสียงดี ราคาถูก แถมไมค์อีก ช๊อบบชอบบ


หมุดแยกสายเป็นพลาสติกแข็ง คุณภาพตามราคา ไม่ได้ดีเวอร์วังอะไร


    แปลกที่จุกยางที่แถมมาใส่แล้วสบายมาก ถ้าใครตามอ่านรีวิวมาตลอดจะเห็นว่าผมเรื่องมากกับจุกหูฟังเป็นพิเศษ บางอันถึงขั้นต้องเปลี่ยนเป็นจุกโฟมเลยก็มี ยกเว้นตัวนี้ครับ ยางนุ่มนิ่ม สัมผัสดีมาก


ตรงข้อต่อระหว่างตัว Body กับสายมีการวางโครงมาค่อนข้างดี ลดปัญหาหูฟังขาดก่อนวัยอันควรได้เยอะเลย


พระเอกของเรื่องคือปลั๊กหัวแจ็ค 3.5 มิลที่ออกแบบมาให้มันเฉียงๆหน่อย เพื่อเวลาเราเก็บใส่กระเป๋ามันจะไม่งอมากจนสายขาด


ตัวอย่างการออกแบบมาไม่ดี งอมากๆขาดได้เหมือนกัน


แบบพี่แกนี้เชิญงอได้ตามสะดวก เอาที่สบายใจกันเลยทีเดียว


     งานประกอบโดยรวมแล้วถ้าก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี คือ 300 พี่จะคาดหวังสายถัก แจ็คทอง หมุดเหล็ก มันก็คงเป็นไปไม่ได้ ผมว่าแค่นี้มันก็คุ้มมากๆแล้วนะ 

     แต่ถ้าถามผมว่าชอบแบบไหน ส่วนตัวแล้วชอบสายถักมากกว่าสายยาง มันให้ความรู้สึกที่ดีกว่าเวลาใช้ไปนานๆ ไม่ต้องกังวลมาก ใช้แบบลุยๆอะไรทำนองนี้


- เสียงที่ได้ -


คาแร็กเตอร์เสียงของ Silver Bullet MOD คือเป็นหูฟังที่เบสหนักและนุ่มจนรู้สึกได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฟัง โดยไม่ต้องเทียบกับหูฟังตัวไหนเลย เสียบฟังปุ๊บ .. "โอโหห เบส มาจากไหนเยอะแยะเนี่ย"  ... อะไรทำนองนี้


     เจาะไปทีละย่านเสียงละกัน เริ่มจากเบสก่อน อย่างที่บอกไว้ตอนต้น เบสจะหนัก นุ่ม และนำย่านอื่นเยอะจนรู้สึกได้ เยอะจนถ้าเป็นคนไม่ชอบเสียงเบสเป็นพิเศษ ไม่แนะนำให้ซื้อเลย เพราะไม่ว่าคุณจะปรับ EQ ยังไง เบสมันก็ยังเยอะกว่าย่านอื่นจนรู้สึกได้อยู่ดี


ย่านกลางยืนพื้นพอประมาณ ออกไปทางบางนิดๆ ถ้าเป็นดินก็คงเป็นดินร่วน คือไม่บางแบบดินทรายและไม่แน่นแบบดินเหนียว มันจะออกแนวทางสายกลาง ประมาณนั้น



รายละเอียดเสียงยิบๆย่อยๆฟังชิลๆรู้สึกกำลังดี ถ้าฟังแบบเพ่งมากๆจะรู้สึกได้เลยว่ารายละเอียดเสียงบางอย่างมันยังไม่ถึงขีดสุดในแบบที่ตัวแพงๆทำได้ ... แต่ราคา 300 ได้ขนาดนี้ก็ถือว่าดีมากๆแล้ว


     ประเด็นหลักน่าจะเป็นเสียงแหลมที่บางไปนิด เหมือนดินร่วนปนทราย คือมันไม่บางจนไม่รู้สึก มันยังรู้สึกอยู่แค่น้อยไปหน่อย กึ่งกลางระหว่างพอดีกับบาง ประมาณนั้น ถ้าจะเน้นเสียงแหลม ปรับ EQ ดึงอีกนิดพอได้ แต่จะรู้สึกฟังไม่ค่อยโอเคเพราะเบสมันดึงไว้อยู่ ดังนั้นเดิมๆผมว่าโอเคสุดแล้วสำหรับคาเร็กเตอร์หูฟังแบบนี้ .. อย่าพยายามไปดึงแหลมกับมันเลย ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้แหละกลมกล่อมกว่ากันเยอะ

 - Silver Bullet MOD เทียบกับ Ear Pod -


     ต้องเกริ่นก่อนว่าทำไมถึงเทียบกับ Ear Pod ทั้งๆที่ราคา Ear Pod มันตั้ง 1,200 บาท (ราคาช็อปนะ ถ้าซื้อตามร้านด้านนอกประมาณ 790 บาท) เอามาเทียบกับ  Silver Bullet MOD ราคา 260 บาท ห่างกัน 4-5 เท่า เหตุผลเพราะ 

1.แทบทุกคนสามารถหาหูฟัง Ear Pod มาฟังได้ ใครมีเพื่อนที่ใช้ iPhone ก็สามารถไปขอยืมมาลองฟังดูได้ มีทุกคนแน่ๆยกเว้นทำหาย
2.เป็นหูฟังที่ผมฟังประจำ ฟังตั้งแต่ก่อนจะเริ่มเล่นหูฟังซะอีก ทุกวันนี้ยังต้องพกตลอดเพราะชอบเสียงกลางๆของพี่แก (ความชอบส่วนตัว)

ดังนั้นเวลามีหูฟังตัวไหนมาเทียบด้วยผมถึงแยกความแตกต่างกับเจ้า Ear Pod ได้ค่อนข้างดีกว่าตัวอื่นพอสมควรครับ

- วัสดุ -


Silver Bullet MOD = Body โลหะ สายยาง
Ear Pod = Body พลาสติก สายยาง

     ถ้าชอบฟิลลิ่งโลหะ ชอบความเทห์ ชอบนั่งทับหูฟังบ่อยๆและน้ำหนักตัวเยอะๆ Silver Bullet MOD น่าจะได้ตรงนี้ไป

แต่ถ้าชอบความเบา และสีขาวโทนเดียวทั้งเส้นดูเรียบๆ ไม่สนว่าจะเป็นพลาสติกหรือโลหะ Ear Pod ก็น่าจะเข้าวิน


Silver Bullet MOD = Body โลหะ สายยาง
Ear Pod = Body พลาสติก สายยาง


ประเภทหูฟัง

Silver Bullet MOD = In Ear
Ear Pod = Ear bud


Silver Bullet MOD เป็นหูฟังแบบ In Ear ให้เสียงเบสที่แน่นและนุ่มกว่ากว่าประมาณ 20-30% ดังกว่าในเกจวัดความดังที่เท่ากันประมาณ 10-15% สามารถกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดีกว่าเพราะลักษณะทางการภาพเอื้ออำนวยกว่า

 ส่วน Ear Pod เป็นหูฟังแบบ Ear bud ที่ออกแบบมาให้ใส่ง่ายและสบายกว่า บาลานส์เสียงดีกว่า และเสียงย่านแหลมดีกว่าประมาณ 10-15% (ทั้งหมดวัดจากความรู้สึกของผมล้วนๆ)


     ตัวสายเป็นวัสดุเดียวกัน คือเป็นยาง ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมชอบสายถักมากกว่า ดูเทห์และแน่นหนากว่ายางเยอะเลย ต่างกันตรงหัวแจ็คของ Silver Bullet MOD เค้าออกแบบให้มันสามารถงอเวลาใส่กางเกงได้โดยที่ไม่ต้องคอยระแวงว่าสายมันจะขาดแบบ Ear Pod ที่ในอดีตผมทำขาดมาแล้วสองเส้น ... 


ไมค์สนทนามีมาให้ทั้งคู่ ออฟชั่นและการจัดการเสียง Ear Pod ชนะไปใสๆ


ความยาวของสาย Silver Bullet MOD จะยาวกว่าอยู่นิดหน่อย


ข้อดีของ Silver Bullet MOD เมื่อเทียบกับ Ear Pod

1. ราคาถูกกว่าหลายเท่า
2.เบสหนักกว่า แน่นกว่า นุ่มกว่า โดยไม่ต้องใช้แอปหรือแอมป์ช่วยเลย ถ้าใครชอบเบสแบบเข้าเส้น แนะนำเลยครับ ติดใจชัว 
3.ในเรท 300บาท หา Body โลหะทนๆแบบนี้นับตัวได้เลย น้อยมากจนแทบจะไม่มี
4.หัวแจ็ค 3.5 มิลออกแบบมาดี เวลางอใส่กระเป่านานๆ เป็นประจำไม่ต้องกังวลว่าสายจะงอหรือหักใน เพราะเค้าออกแบบมาให้มันทนกับการใช้งานพวกนี้อยู่แล้ว



ข้อดีของ Ear Pod เมื่อเทียบกับ Silver Bullet MOD

1. เรียบหรูกว่า
2. เสียงมีความบาลานส์กว่า ใครที่ชอบฟังเพลงตลาดทั่วๆไป เน้นฟังทุกแนว ป็อปร็อคยันลูกทุ่งอะไรทำนองนี้ก็คงชอบ Ear Pod มากกว่า
3.รายละเอียดเสียงยิบย่อย ถ้าเพ่งและตั้งใจฟังจริงๆจะรู้สึกว่า Ear Pod ทำได้ดีกว่าอยู่นิดหน่อย


สรุป

ความดัง Silver Bullet MOD ดังกว่า Ear Pod อยู่ประมาณ 10-15% 
เบส Silver Bullet MOD แน่นกว่า Ear Pod 20-30% นุ่มกว่า 20% 
กลาง ทั้ง Silver Bullet MOD และ Ear Pod พอๆกัน 
แหลม Silver Bullet MOD แพ้ Ear Pod อยู่ประมาณ  10-15% 

จุดเด่น

- กันเสียงรบกวนดีกว่าเยอะ 
- หัวแจ็คงอมาจากโรงงาน 
- ราคานี้ได้บอดี้โลหะผิวสาก 
- จุกที่แถมมาใส่แล้วไม่ปวดหู 
- มีไมค์มาให้ จบในตัวเดียว 

จุดพิจารณา 

- วัสดุแบบเดียวกับ Ear Pod ใช้ไปนานๆยางอาจจะเสื่อม 
- เบสนำเยอะมาก ถ้าเป็นคนไม่ชอบเสียงเบสแน่นๆเป็นพิเศษไม่แนะนำ

อุปกรณ์ที่ใช้ในการเทส

 : Appe iPhone 6 , OPPO R9s plus (ชิปเสียงแยกทั้งคู่ )