1.เครื่องรวน/ช้า/อึด ไม่เร็วปี๊ดๆ เหมือนตอนซื้อใหม่ๆ
ปัญหาโลกแตกอีกแล้วครับพี่น้อง เครื่องช้าชนิดเต่าขาหักยังไวกว่า เป็นกันแทบทุกเครื่องไม่ว่าจะหุ่นกระป๋องหรือผลไม้แอปเปิ้ล โดยเฉพาะรุ่นใหม่ออกจะเป็นหนักมาก อิอิ
ที่มาของปัญหาคือโทรศัพท์ของคุณเนี่ย ความจำเหลือน้อยเนื่องจากลง App ที่ไม่จำเป็น แคชของระแบบหรือ App ที่คุณใช้บ่อยๆ หรือต่างๆนาๆประกอบกันจนทำให้เครื่องมันทำงานหนักมาก วิธีแก้ ง่ายๆมากครับ Reset การตั้งค่าจากโรงงานใหม่ซะเลย ผลที่ได้คือเครื่องของคุณก็จะเหมือนตอนออกจากโรงงานเป๊ะๆ โดยมีวิธีการคร่าวๆตามคลิปข้างล่างนี้เลยนะครับ
- สำหรับโทรศัพท์ที่ยังเข้าหน้าโฮมสกรีนได้ตามปกติ
สำหรับ แอนดรอยด์
สำหรับ IOS
- สำหรับโทรศัพท์ที่ไม่สามารถเข้าหน้าโฮมสกรีนได้ตามปกติ(แตะทัชช้า/เปิดแล้วดับ/โลโก้ค้าง)
เปิดเครื่องแล้วค้างที่รูปไอคอน เนื่องจาก App มีปัญหา (สำหรับ IOS)
อัพเดทเวอร์ชั่นใหม่หรือรีเซ็ทเครื่อง (สำหรับ IOS)
สำหรับแอนดรอยด์ มี โหมด Recovery ซึ่งแต่ละรุ่นแต่ละแบรนด์ก็มีคีย์ที่จะใช้ไม่เหมือนกัน เพื่อนๆที่ต้องการ เข้าโหมด Recovery ลองเซิท Google ดูว่ารุ่นของตัวเองกดคีย์อะไรบ้าง หลักๆก็ปุ่มพาวเวอร์ เพิ่มเสียง/ลดเสียง หรือบางรุ่นอาจจะมีปุ่มโฮมเข้ามาด้วย ส่วนวิธีการก็ดูจากคลิปด้านล่างเลยครับ
การเข้าโหมด Recovery (สำหรับแอนดรอยด์)
2.เครื่องตกน้ำ! งานเข้าละทีนี้!!
โอ้โห งานเข้าของจริงละครับทีนี้ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กับน้ำเนี้ยเป็นของอันตรายกันจริงๆครับ นอกจากเรื่องความชื้นแล้ว ยังอาจทำให้ประจุภายในวงจรเสียหาย ไฟฟ้าลัดวงจร ดีไม่ดีระเบิดคามือเลยก็ได้
สิ่งสำคัญสำหรับเครื่องที่โดนน้ำมาคือ "ห้ามเปิดเครื่องในทันที" โดยเด็ดขาด มิฉะนั้นอาจจะหมดหนทางซ่อมเลยก็เป็นได้ หลายๆคนพอทำมือถือตกน้ำ หยิบขึ้นมาได้ก็เปิดดูทันทีว่ามันจะเปิดติดหรือเปล่า บอกได้เลยครับว่าเป็นวิธีที่ผิดมากๆ เพราะน้ำที่อยู่ภายในเครื่อง อาจจะทำตัวเป็นตัวนำไฟฟ้า อาจจะก่อให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร ทำให้อุปกรณ์ภายในเสียหายได้นั่นเอง
ผมจะแบ่งการตกน้ำออกเป็น 2 ประเภทคือ ตกน้ำแบบแฉะๆ กับ ตกน้ำแบบทั้งตัว
- ตกน้ำแบบแฉะๆ เช่นลงไปท่อนนึง หรืออาจจะมากสุดแค่ครึ่งตัว ซึ่งถือว่าน้ำเข้าไปน้อย วิธีแก้ก็ง่ายๆครับ ถอดซิม เมมเมอร์รี่ แบตเตอร์รี่(ถ้าถอดได้)ออก "ห้ามเป่ากับเครื่องเป่าผมแบบลมร้อนเด็ดขาด" ให้ใช้ลมเย็นหรือเครื่องดูดฝุ่นแทน(ถ้ามี) เสร็จแล้วจับยัดลงไปในถังข้าวสาร แล้วรอครับ ... ประมาณ 2-3 วันกำลังดี ให้ข้าวสารสุก เอ้ย!ดูดความชื้นอย่างเต็มที่ แล้วค่อยใส่แบตเปิดเครื่องใหม่จร้า
- ตกน้ำไปทั้งตัว มีสองทางเลือกให้คุณเลือกครับ โดยคุณวิเคราะห์เองเลยว่า โทรศัพท์ของคุณกล้าที่จะเสี่ยงชีวิตกับถังข้าวสาร หรือจะมีโอกาสรอดมากกว่าถ้าส่งถึงมือช่าง (แต่เสียเงิน) อันนี้ถ้าเป็นรุ่นท็อปๆหรือราคาแพงๆผมแนะนำอย่างหลังครับ เพราะพวกนี้เสียค่าซ่อมถูกกว่าซื้อใหม่แน่นอน แต่ถ้าเป็นรุ่นเก่าๆหรือกลางๆซ่อมไม่คุ้ม ผมแนะนำให้แช่ถังข้าวสารดีกว่า แต่ควรจะแช่ให้นานหน่อย เอาชัวร์ๆก็สัก 5-6 วันไปเลยแห้งสนิทแน่นอน อิอิ
วิธีการจับใส่ถังข้าวสารที่ถูกวิธีครับ
3.แบตเตอร์รี่เสื่อม อยู่แป๊ปๆก็หมดละ!
สำหรับในส่วนนี้ แอนดรอยด์แทบจะได้เปรียบไปเต็มๆเพราะส่วนใหญ่จะสามารถถอดเปลี่ยนแบตเตอร์รี่ได้ ซึ่งการหาซื้อแบตเตอร์รี่ก็ง่ายมาก ยิ่งเป็นรุ่นท็อปๆ หรือรุ่นนิยมแทบจะมีทุกร้านหรือทุกเว็บเลยก็ว่าได้ โดยการซื้อแบตเตอร์รี่มาเปลี่ยนแทนก้อนเก่ามีข้อสังเกตุในการซื้อคือ
- ต้องเป็นแบตเตอร์รี่ตรงรุ่นเท่านั้น
- ต้องเป็นร้านที่มีเครดิตพอสมควร มีประกันให้สำหรับแบตเตอร์รี่ที่ซื้อมา
- พยายามซื้อแบตเตอร์รี่แท้ เพราะหากใช้แบตเตอร์รี่ปลอมดีไม่มีดีระเบิดใส่มือ ใครรับผิดชอบ??
วิธีการก็ง่ายมากเลย เดินไปร้านมือถือใกล้บ้านหรือร้านที่เราซื้อมา บอกว่าต้องการแบตเตอร์รี่สำหรับรุ่นนั้นๆ เค้าก็จะเอามาให้ ซึ่งราคาอยู่ที่ 350 - 650 บาทขึ้นอยู่กับความจุและคุณภาพของแบตเตอร์รี่
ในส่วนของ Apple นั้น แบตเตอร์รี่ไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้แบบปกติ ต้องแงะเครื่องออกแล้วถอดเปลี่ยนจึงจะใส่แบตเตอร์รี่ก้อนใหม่ได้ สำหรับมือใหม่ใจไม่นิ่ง ไม่แนะนำวิธีนี้อย่างยิ่งเพราะอาจจะก่อให้เกิดความเสียหาย ทางที่ดีให้ช่างทำจะดีกว่า
แต่สำหรับคนที่ค้นไม้คันมือ ดูๆไปแล้วมันก็ไม่ยากนี่นา แถมในอินเตอร์เน็ตก็มีคลิปวิธีการแกะอย่างครบถ้วน แค่ซื้อแบตเตอร์รี่กับอุปกรณ์แกะมา ก็เปลี่ยนเองได้ แถมยังถูกกว่าให้ช่างทำอีก ลุยเลยยครับพี่น้อง
แต่ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่า การแกะเครื่องนั้นไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไร จะทำให้ประกันของคุณหมดลงทันที ซึ่งหากใช้งานจนแบตเตอร์รี่เสื่อมแล้ว ผมคิดว่าเวลานั้นประกันคงหมดแล้วเช่นกัน ดังนั้น ไม่ต้องกังวลในจุดนี้เลย เชิญแกะเปลี่ยนแบตตามสบายเลยจร้าา