หลังจากเปิดตัวสมาร์ทโฟนตัวท็อปยานแม่รุ่นใหม่อย่าง Samsung Galaxy Note 7 เอย ZTE Axon7 เอย แท็ปตัวเทพของร้านเราอย่าง Chuwi HI8 เอย หลายๆคนคงสงสัยกันว่า ไอมาตรฐานใหม่อย่าง " USB Type-C" มันมีดีอาร๊ายย ถึงขนาดตัวท็อปยอมเปลี่ยน และที่สำคัญต่อไปมันจะต้องเปลี่ยน "ทุกเครื่อง!" ซะด้วย ถ้าพร้อมจะอ่านบทความมั่วคั่วแถสไตล์เราแล้วละก็ ลุยยย!!
USB Type-C คืออะไร
USB Type-C คือ มาตรฐานใหม่ของการส่งข้อมูลที่ตอนนี้กำลังคืนคลานเรามาอย่างช้าๆ ก่อนจะอธิบาย ลองไปไล่ Type A - Type B กันก่อน เดี๋ยวจะงง
USB Type-A
USB Type A คือ USB หน้าตาบ้านๆแบบที่เราคุ้นเคยกันมากที่สุด อยู่มาน๊านนนนาน นานมาก นานจนจำไม่ได้ (ตั้งแต่ปี 1998 นู้น คิดดู) แล้วก็เปลี่ยนเป็นเวอร์ชั่น 2 (USB 2.0 ปี 2000) และเวอร์ชั่น 3 ( USB 3.0 ปี 2008) และเวอร์ชั่นล่าสุดคือ เวอร์ชั่น 3.1 (USB 3.1) นั่นเอง โดยทั้ง 3 เวอร์ชั่นไม่เปลี่ยนหน้าตาแต่อย่างใด USB Type A เป็นอะไรที่แมสที่สุดแล้ว USB ทุกเวอร์ชั่นปลายอีกฝั่งนึงจะต้องเป็น USB Type A เสมอ (สังเกตุดู) เมพขิงๆ
หน้าตาคุ้นเคย พบได้ทั่วไป
USB Type-B
USB Type B คือ USB ที่มีหน้าตาหลายแบบเยอะมากกก ซอยยิกๆเลย (ซอยรุ่นนะ อิอิ) มาดูว่ามีหน้าตาแบบไหนบ้าง
USB Type B ดั้งเดิม หน้าตาแบบนี้ มีใช้น้อยมากๆ ส่วนใหญ่จะเป็นสายเครื่องปริ้น
USB Type B - Mini ยุค 2000 ต้นๆคิดว่ารู้จักทุกคน (ยุค I-Mobile , Wellcom สิบดอกลำโพงรุ่งเรือง)
USB Type B - Micro นิยมโคตรๆของโคตรๆอีกทีนึง สมาร์ทโฟน 99% บนโลกใช้แบบนี้อยู่
USB Type B - Micro เหมือนกัน ต่างกันตรงเป็น USB เวอร์ชั่น 3.0หัวแตกเพิ่มมาอันนึง (พบได้ใน Samsung Galaxy Note 3 และบางรุ่นที่อินดี้จริงๆ) เหมือนจะรุ่งแต่ร่วง ไม่มีคนนิยม
USB Type-C
เป็น Type ที่มาพร้อมกับ USB เวอร์ชั่น 3.1 เวอร์ชั่นล่าสุด ( Type A มีตั้งแต่เวอร์ชั่น 1 - 3.1 , Tybe B มีตั้งแต่เวอร์ชั่น 2.0 ถึง 3.0)
หน้าตาแบบนี้
สาเหตุหลักๆที่เหล่าตัวท็อปต้องเปลี่ยนไปใช้ Type-C มีอยู่ 2 อย่างครับ
1.กฏหมาย
ทั้งฝั่งยุโรปค่อนข้างให้ความสำคัญกับขยะอิเล็กซ์ทรอนิกส์มากพอสมควร (ตามสไตล์ประเทศที่เจริญแล้ว) เลยมีกฏหมายออกมาให้ปี 2017 สมาร์ทโฟนต้องใช้สายชาร์จแบบเดียวกันทุกรุ่นทุกแบรนด์ เพื่อลดปัญหาขยะที่มาจากสายชาร์จต่างรุ่นกัน เค้าก็มีเวลาให้เตรียมตัวกันเยอะพอสมควร ใครยังทันยุคก่อนๆ จะจำได้ว่าแต่ละแบรนด์จะมีหัวชาร์จเอกลักษณ์มาก คือเยอะอะ
เด็กรุ่นใหม่รู้ไว้นะ รุ่นก่อนต้องพกแบบนี้ไปโรงเรียนถ้าจะยืมเพื่อนชาร์จ (โนเกียหัวเล็ก พอทุกสถาบัน)
ซึ่งทางผู้ผลิตทุกแบรนด์ก็ให้ความร่วมมือที่ดี(ยกเว้น Apple) จนหลังๆหันมาใช้แบบเดียวกันหมดคือ USB Type B แบบ Micro ( Micro USB) และกำลังจะเปลี่ยนไปในแนวทางกันคือเปลี่ยนเป็น USB Type C
2.ปัญหาทางเทคนิก
จนมาถึงจุดๆนึง เทคโนโลยีสำหรับ USB 2.0 มันถึงทางตัน ขนาดที่ออกแบบมามันเก่าเกินไปสำหรับการชาร์จและส่งข้อมูลความเร็วสูงสำหรับปัจจุบัน แถมยังใส่กลับด้านแบบ Apple ไม่ได้อีก จึงเกิด USB Type C มาเพื่อแก้ปัญหาตรงนี้
USB Type-C ดีกว่าเดิมยังไง ? ทำอะไรได้บ้าง ?
1.รับ-ส่งข้อมูลได้ไวกว่าเดิม
USB Type C สามารถรับส่งข้อมูลได้ไวถึง 10Gbps มากกว่า USB 3.0 ที่สามารถรับส่งข้อมูลได้แค่ 5Gbps ถึง 2 เท่า (3.0 นี่ไวป่าช้าแตกแล้วนะ 3.1 คูณ 2 ไปเลย)
2. จ่ายกระแสไฟได้มากกว่าเดิม
อันนี้เจ๋งสุด USB Type-C สามารถจ่ายกระแสไฟได้ถึง 20V 5A หรือประมาณ 100 วัตต์ มากกว่า USB Type-B ที่ได้มากสุด 9V 2A หรือประมาณ 18 วัตต์ ประมาณ 5 เท่า (Quick charge 3.0 เองก็จำเป็นต้องใช้ USB Type-C เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพดีที่สุด ) ซึ่งไอ 100 วัตต์นี่มันมากกว่าไฟที่จ่ายเข้า Notebook ทั่วๆไปที่ใช้กันในปัจจุบันอีกตังหาก (STD 65 Watt) เป็นที่มาว่า Macbook รุ่นใหม่จึงใช้ USB Type-C นั่นเอง
3. ทำหน้าที่เป็น Display Port ได้
เอาง่ายๆคือถ้าใช้ไปซื้อของหน้าปากซอยได้มันจะทำได้ทุกอย่างบนโลกนี้ละ อะโห ชาร์จไฟ ส่งข้อมูล ฉีกกฏใหม่!!! เป็น Display Port ได้ด้วยว้อยยย สาย VGA DVI HDMI กำลังจะโดนโยนทิ้งแล้วจ้า ต่อไปนี้มนุษยชาติจะมีสายเส้นนี้เส้นเดียว ใช้แต่ตื่นนอนยันนอนหลับก็มีแต่สายนี้เท่านั้น ดีงาม!!!
4. เสียบฝั่งไหนก็ได้
อย่างที่บอกว่าสายแบบเดิมมันใส่ได้ด้านเดียว มารุ่นใหม่ไหนๆก็ทำละ จัดเต็มเลยจ้า รอบนี้จะสลับด้านบนล่างได้หมด สบายตัวกันเลยทีเดียว (ได้ข่าวว่า Apple ทำไปนานละ)
ส่งท้าย : ก็คงประมาณนี้สำหรับ USB Type C สายเล็กๆที่กำลังจะเข้ามาแทนที่สายแบบเดิมๆไป ตอนนี้สายหาซื้อยากนิดนึง แต่คิดว่าอีกสักพักคงมีเกลื่อน แล้ว Micro USB จะหายากแทน ฮ่าๆ ซึ่งก็ต้องยอมรับกับการเปลี่ยนแปลง เพื่อสิ่งที่ดีกว่าในอนาคต เพราะแค่เริ่มต้นก็โคตรเจ๋งขนาดนี้แล้ว ต่อไปจะเป็นไปยังไง จะอัพเดทให้นะครับ!
***ช่วยกดโฆษณาสักนิด เป็นค่ามาม่าให้เราเขียนบทความดีๆต่อไป ใครจะก็อปไปขอเครดิตนิดนึงนะครับ ***
ที่มา : thaimobilecenter.com , thaiware