ถ้าพูดถึงเครื่องดูดฝุ่น
รูปร่างที่เราพอจะนึกออกน่าจะเป็นเจ้าเครื่องอ้วนๆ เสียงดังๆ
ลากสายไปมายาวเหยียดรอบบ้านระยะทางรวมกันประมาณ 3 กิโลเมตรเห็นจะได้
กับอีกภาพคือเจ้าเครื่องที่โดนหมกไว้ให้ฝุ่นเกาะ
เพราะแม่บ้านซื้อมาแล้วไม่ยอมใช้สักที
จริงๆแล้วจะโทษแม่บ้านก็ไม่ได้
คุณแม่ผมเองก็ซื้อเครื่องดูดฝุ่นมา นี่เข้าปีที่ 5 แล้วเอาออกมาให้ไม่ครบ 10
ครั้งสักกะที (ทีตอนก่อนซื้อนี่เหตุผลล้านแปด)
ยุคนี้มันยุคไร้สาย
เครื่องดูดฝุ่นเองก็ต้องพัฒนาตัวเองให้ทัน ทำให้มันใช้ง่ายขึ้น ใช้บ่อยขึ้น ดูดีขึ้น
ก็เลยออกมาแนวๆนี้นี่แหละครับ
Dyson เป็นผู้ผลิตสัญชาติอังกฤษที่ทำฮาร์ตแวร์เกี่ยวกับเครื่องดูดฝุ่นมานาน
(จริงๆมีพาร์ทอื่นอีก) จุดแข็งของDyson ในบ้านเราคือจัดจำหน่ายและรับประกันโดยเครือ CMG ทำให้ศูนย์ในบ้านเราเยอะมาก
ในกรุงเทพเซ็นทรัลกับเดอะมอลล์น่าจะมีทุกที่ ตจว. เองก็พอมีครับ
วันนี้มีโอกาสได้หยิบเอาเครื่องดูดฝุ่นไร้สายรุ่นท็อปสุดของ
Dyson มารีวิวให้ได้ชมกัน ชื่อรุ่นว่า Dyson V8 Absolute +ราคาค่าตัวอยู่ที่
28,900 บาท
ถือว่าเป็นเครื่องดูดฝุ่นที่แพงที่สุดแล้วในชีวิตนี้คุ้มไม่คุ้มเดี๋ยวมาดูกันครับ
แกะกล่อง
อุปกรณ์ที่แถมมา เรียกได้ว่าชุดใหญ่ไฟกระพริบที่สุดแล้วเท่าที่เครื่องดูดฝุ่น
พศ.นี้จะแถมให้ได้ หัวดูด + ท่อต่างๆ รวมๆกันแล้วประมาณ 15 ชิ้น และทุกชิ้นใช้งานได้ดีทีเดียว
ถ่ายมาแค่เสี้ยวเดียว
เยอะมากกก นับๆแล้วประมาณ 9 – 10 หัว
ส่วนที่ชอบที่สุดคือการจับเอาข้อต่อนู้น
เข้าไปต่อกับอันนี้ สลับไปอันนู้น ซึ่งผมลองต่อแล้วได้สูงสุด 4 ชิ้นใน 1 Typeที่สำคัญคือข้อต่อแต่ละข้อมีตัวล็อคเป็นของตัวเอง
ดังนั้นเวลาเราต่อยาวๆก็ยังพออุ่นใจได้อยู่ว่าจะไม่หลุดออกจากกัน
ตัว Body เป็นพลาสติก ABS แบบแข็งๆ งานประกอบแน่นหนาตรงปุ่มกดนี่นิ่มมาก
แทบไม่ต้องออกแรง(แต่ก็เผลอลั่นไปโดยบ่อยอยู่)
เครื่องดูดฝุ่นรุ่นนี้ใช้เทคโนโลยีแบบไซโคลน
คือดูดอากาศเข้ามาปั่นด้วยความเร็ว 110,000 รอบต่อนาที ด้วยแรง 300,000 G ( 1 G
= 9.81 m/s^2) ฝุ่นละอองที่เข้ามาเมื่อโดนปั่นเข้ามากๆก็จะตกลงมาข้างล่าง
ส่วนอากาศบริสุทธิ์ก็จะออกทางด้านหลัง ซึ่งถ้าดูตาม Spec ที่เค้าบอกมา จะกรองฝุ่นได้ละเอียดถึง 0.5 ไมครอน
(เส้นผมคนเรามีขนาด 100 ไมครอน)
และฟิลเตอร์กรองอากาศด้านหลังก็จะกรองฝุ่นได้ละเอียดถึง 0.3 ไมครอน ดังนั้น
ลมที่ออกมาจากด้านหลังจึงไม่เป็นอันตรายครับ
การติดตั้งอุปกรณ์เสริม
อุปกรณ์เสริมในที่นี้คือตัวชาร์จไร้สาย
(จริงๆมีสายนั่นแหละ) เป็นการติดตั้งตัวชาร์จไว้กับฝาผนังบ้าน
โดยที่วิธีการคือเอาสายใส่เข้ากับตัวแขวน แล้วก็ติดกับฝาผนัง
แค่นี้ก็ใช้งานได้แล้วครับ
หลังจากติดตั้งเสร็จ ใช้งานสักพัก
รู้สึกว่ามันใช้งานง่าย อารมณ์คล้ายๆกับชาร์จไร้สายในสมาร์ทโฟนที่แค่เอาไปวางไว้
อยากใช้ก็หยิบมาใช้ ถ้าใครอยู่คอนโดหรือบ้านดีไซน์เก๋ๆก็เหมือนของตกแต่งบ้านแนวไฮเทคชิ้นนึง
(อันนี้มโนไปเอง ถถถถ )
หรือใครชอบแบบมีสาย
ไม่อยากเจาะฝาผนังก็เสียบชาร์จแบบทั่วๆไปได้ครับ ชาร์จจาก 0 – 100% ใช้เวลาราวๆ 5
ชั่วโมง
การใช้งานจริง
ปกติแล้วผมจะใช้อยู่ 4-5 อย่างครับ
ดูดฝุ่นพื้นห้อง , ที่นอน , ฝ้า-เพดาน (อันนี้นานๆครั้ง) แล้วก็ริมระเบียงเดี๋ยวมาดูกันครับว่าเป็นไงบ้าง
1.พื้นห้อง
** ก่อนทำความสะอาด **
** หลังทำความสะอาด **
Note :พื้นห้องส่วนใหญ่เป็นฝุ่นชิ้นใหญ่กับเส้นผมของกวางน้อย
หัว fluffy (อันในภาพ) ผมใช้บ่อยสุด รู้สึกมันสะอาดดี ดูดแรง
มีขนนุ่มๆเหมือนถูพื้นเบาๆไปด้วยหน่อยนึง
2.ที่นอน , ใต้เตียง
** ก่อนทำความสะอาด **
** หลังทำความสะอาด **
Note : เตียงนอนดูเหมือนไม่ค่อยจะมีอะไร
แต่จริงๆเตียงนอนมันมีพวกไรฝุ่นค่อนข้างเยอะนะ ถ้าคนแพ้ไรฝุ่นนี่น่าจะซักบ่อยหน่อย
( ส่วนตัวไม่ได้ได้แพ้ฝุ่นอะไร ) ลองใช้หัวดูดไรฝุ่นดู โอโห ...
แลดูเป็นคนซกมกไปเลย ฮ่าๆ (หัวดูดแรง มีขนเหมือนแปรงแข็งๆตะกรุยฝุ่น
ถ้าจะใช้จับผ้าปูหรือหมอนไว้ให้แน่นๆนะครับ) ส่วนใต้เตียงเน้นใช้พวกท่อหดกับปากดูดใหญ่ๆหน่อยก็พอครับ
3.ฝ้าเพดาน
** ก่อนทำความสะอาด **
** หลังทำความสะอาด **
Note :
ฝ้าเพด้านถ้ามีไม้กวาดหยากไย่หรือถ้าไม่สูงมากก็ใช้ไม่กวาดแหย่ๆเอา
แหย่เสร็จก็ต้องมากวาดซ้ำ ตอนนี้ดูดรวดเดียวจบ ถ้าสูงไปก็ต่อท่อยาวครับ ง่ายดี
มีข้องอแถมมาให้ด้วย(จริงๆเค้าเอาไปใช้กับพวกดูดฝุ่นในรถยนต์นะ แอบเอามาใช้
ก็ใช้ได้ครับ)
4.ริมระเบียง
** ก่อนทำความสะอาด **
Note : ริมระเบียงส่วนใหญ่จะเป็น ใบไม้ ฝุ่น ทรายที่ปลิวตามลมมา
ก็เปลี่ยนไปใช้ท่อยาวกับหัวดูดปากใหญ่ๆครับง่ายดี
วิธีการเทขยะ / ฝุ่นที่ดูด
รุ่นนี้ดึงสลักคล้ายๆสลักระเบิดที่เราเห็นตาม
TV มันจะมีหัวสีแดงๆโผล่ขึ้นมาตามภาพ
ดึงปึ๊ก! ฝามันก็จะเปิด
ฝุ่นที่เราจะเทมันก็จะร่วงลงด้านล่าง
เสร็จแล้วตบสลักลงเบาๆ
มันจะเหมือนเราเขย่าให้ฝุ่นที่ยังไม่ออกล็อตแรกออกให้หมดเป็นรอบที่สอง
เสร็จแล้วก็ช้อนฝาจากด้านหน้าเข้ามาปิด
สรุปทุกขึ้นตอน มือเราจะไม่โดนฝุ่นเลย
ความรู้สึกหลังใช้งาน
ใช้งานมือเดียวได้ดีระดับนึงไม่หนักมากครับ
แต่ถ้าต่อท่อสูงๆ หรือหัวดูดที่หนักมากๆ ยังไงก็ต้องสองมือช่วยกันประคองอยู่ดี
(หล่นมาทีน้ำตาเล็ด แพงอิบอ๋าย)
ปุ่มปรับความแรงมี 2 ระดับ คือ ธรรมดา
กับแรงมาก ใช้งานทั่วไประดับธรรมดาก็เกินแกงละครับ
แรงมากนี่ส่วนใหญ่จะปรับเอาสะใจเล่นมากกว่า แบบตามซอกที่เราไม่เคยทำความสะอาดจริงๆ
ไฟบอกสถานะมีทั้งสองข้างครับ
ถือบางคนถนัดซ้าย บางคนถนัดขวาจะได้ไม่ต้องพลิกกลับไปกลับมาไปดู % แบตเตอรี่
ความแรง
เทียบกับพวกเครื่องใหญ่ๆ
ผมว่าเครื่องใหญ่ดูดแรงกว่าหน่อยนึงนะ แต่เจ้านี่ได้ในเรื่องของการใช้คล่องตัวกว่ากับไม่ต้องลากสายให้วุ่นวายมาแทนที่
ก็ต้องแลกกันไป
ระยะเวลาการใช้งานแบบใช้ๆหยุดๆ
อยู่ได้ราวๆ 2 ชั่วโมงครึ่ง – 3 ชั่วโมง ถ้านับเป็นห้องก็ได้ประมาณ 2 ห้องเต็มๆ
ดังนั้นใครบ้านกว้าง ห้องเยอะ อันนี้ต้องคิดเผื่อนิดนึงนะครับว่าพอหรือเปล่า ( ห้องผมขนาด
6*10 เมตรโดยประมาณไม่รวมระเบียง )
ถ้าให้คะแนนความพอใจ ส่วนตัวผมให้
8.5 เต็ม 10แล้วกัน (เกิดมาเพิ่งเคยใช้แบบไร้สายครั้งแรก
เอาตามความรู้สึกล้วนๆเลย
สรุปสั้นๆเท่าที่นึกออก
ข้อดี
-
ออฟชั่นเยอะ
เทคโนโลยีใหม่
-
ประกัน 2 ปี
ศูนย์+อะไหล่หาง่าย (ถ้าเป็นแบบมีสาย ประกัน 5 ปี)
-
น่าจะเป็นเจ้าเดียวที่ออฟชั่นเยอะขนาดนี้แล้วถือมือเดียวได้
-
งานประกอบดี
ไม่กิ๊กก๊อก
-
แบตกับที่ชาร์จเจ๋งดี
ดูไฮโซนิดๆ
-
เหมาะกับคอนโด
ห้องพัก บ้านหลังเล็กๆ
-
เหมาะกับคนบ้านหลายชั้นหลายห้อง
ขนย้ายไปนู่นมานี่สะดวกดี
-
ใช้งานกับรถยนต์ได้ง่าย
ไม่ต้องลากสาย ใครอยู่คอนโดนี่เข้าทางเลย
ข้อพิจารณา
-
ราคาค่อนข้างสูง
ตัวต่ำสุดอยู่ที่ 12,900 บาท ตัวกลางก็สองหมื่นกลางๆ ตัวท็อปสุดแบบตัวนี้ก็สองหมื่นปลายๆ
-
ระยะเวลาในการชาร์จครั้งนึงนานไปหน่อย
ถ้าต้องการใช้ทั่วทั้งบ้านในครั้งเดียวน่าจะมีปัญหา แต่ถ้าทำความสะอาดทีละห้อง
อันนี้สบาย
-
ไม่เหมาะกับคนบ้านกว้างมาก
ส่งท้าย : สำหรับคนที่ต้องการจะซื้อ เนื่องจากจำหน่ายโดย CMG ดังนั้นห้างเดอะมอล - เซ็นทรัลในกรุงเทพแทบทุกสาขามีศูนย์ Dyson หมด (เช็คได้ที่ลิงค์นี้) หรือใครชอบ Online ใน Central Online / Lazadaเองก็มีจำหน่ายอยู่เหมือนกันครับ ส่วนระบบผ่อนตอนนี้ผ่อนหน้าร้านทุกที่
0% 10 เดือน