.

วันเสาร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2561

รีวิวเครื่องดูดฝุ่นไร้สายแพงที่สุดในชีวิต Dyson V8 Absolute Plus สไตล์พ่อบ้าน

     
     ถ้าพูดถึงเครื่องดูดฝุ่น รูปร่างที่เราพอจะนึกออกน่าจะเป็นเจ้าเครื่องอ้วนๆ เสียงดังๆ ลากสายไปมายาวเหยียดรอบบ้านระยะทางรวมกันประมาณ 3 กิโลเมตรเห็นจะได้ กับอีกภาพคือเจ้าเครื่องที่โดนหมกไว้ให้ฝุ่นเกาะ เพราะแม่บ้านซื้อมาแล้วไม่ยอมใช้สักที
จริงๆแล้วจะโทษแม่บ้านก็ไม่ได้ คุณแม่ผมเองก็ซื้อเครื่องดูดฝุ่นมา นี่เข้าปีที่ 5 แล้วเอาออกมาให้ไม่ครบ 10 ครั้งสักกะที (ทีตอนก่อนซื้อนี่เหตุผลล้านแปด)

ยุคนี้มันยุคไร้สาย เครื่องดูดฝุ่นเองก็ต้องพัฒนาตัวเองให้ทัน ทำให้มันใช้ง่ายขึ้น ใช้บ่อยขึ้น ดูดีขึ้น ก็เลยออกมาแนวๆนี้นี่แหละครับ

     Dyson เป็นผู้ผลิตสัญชาติอังกฤษที่ทำฮาร์ตแวร์เกี่ยวกับเครื่องดูดฝุ่นมานาน (จริงๆมีพาร์ทอื่นอีก)  จุดแข็งของDyson ในบ้านเราคือจัดจำหน่ายและรับประกันโดยเครือ CMG ทำให้ศูนย์ในบ้านเราเยอะมาก ในกรุงเทพเซ็นทรัลกับเดอะมอลล์น่าจะมีทุกที่ ตจว. เองก็พอมีครับ


     วันนี้มีโอกาสได้หยิบเอาเครื่องดูดฝุ่นไร้สายรุ่นท็อปสุดของ Dyson มารีวิวให้ได้ชมกัน ชื่อรุ่นว่า Dyson V8 Absolute +ราคาค่าตัวอยู่ที่ 28,900 บาท ถือว่าเป็นเครื่องดูดฝุ่นที่แพงที่สุดแล้วในชีวิตนี้คุ้มไม่คุ้มเดี๋ยวมาดูกันครับ

แกะกล่อง

     อุปกรณ์ที่แถมมา เรียกได้ว่าชุดใหญ่ไฟกระพริบที่สุดแล้วเท่าที่เครื่องดูดฝุ่น พศ.นี้จะแถมให้ได้ หัวดูด + ท่อต่างๆ รวมๆกันแล้วประมาณ 15 ชิ้น และทุกชิ้นใช้งานได้ดีทีเดียว
ถ่ายมาแค่เสี้ยวเดียว เยอะมากกก นับๆแล้วประมาณ 9 – 10 หัว

     ส่วนที่ชอบที่สุดคือการจับเอาข้อต่อนู้น เข้าไปต่อกับอันนี้ สลับไปอันนู้น ซึ่งผมลองต่อแล้วได้สูงสุด 4 ชิ้นใน 1 Typeที่สำคัญคือข้อต่อแต่ละข้อมีตัวล็อคเป็นของตัวเอง ดังนั้นเวลาเราต่อยาวๆก็ยังพออุ่นใจได้อยู่ว่าจะไม่หลุดออกจากกัน


     ตัว Body เป็นพลาสติก ABS แบบแข็งๆ งานประกอบแน่นหนาตรงปุ่มกดนี่นิ่มมาก แทบไม่ต้องออกแรง(แต่ก็เผลอลั่นไปโดยบ่อยอยู่)

     เครื่องดูดฝุ่นรุ่นนี้ใช้เทคโนโลยีแบบไซโคลน คือดูดอากาศเข้ามาปั่นด้วยความเร็ว 110,000 รอบต่อนาที ด้วยแรง 300,000 G ( 1 G = 9.81 m/s^2) ฝุ่นละอองที่เข้ามาเมื่อโดนปั่นเข้ามากๆก็จะตกลงมาข้างล่าง ส่วนอากาศบริสุทธิ์ก็จะออกทางด้านหลัง ซึ่งถ้าดูตาม Spec ที่เค้าบอกมา จะกรองฝุ่นได้ละเอียดถึง 0.5 ไมครอน (เส้นผมคนเรามีขนาด 100 ไมครอน) และฟิลเตอร์กรองอากาศด้านหลังก็จะกรองฝุ่นได้ละเอียดถึง 0.3 ไมครอน ดังนั้น ลมที่ออกมาจากด้านหลังจึงไม่เป็นอันตรายครับ


การติดตั้งอุปกรณ์เสริม
     อุปกรณ์เสริมในที่นี้คือตัวชาร์จไร้สาย (จริงๆมีสายนั่นแหละ) เป็นการติดตั้งตัวชาร์จไว้กับฝาผนังบ้าน โดยที่วิธีการคือเอาสายใส่เข้ากับตัวแขวน แล้วก็ติดกับฝาผนัง แค่นี้ก็ใช้งานได้แล้วครับ


     หลังจากติดตั้งเสร็จ ใช้งานสักพัก รู้สึกว่ามันใช้งานง่าย  อารมณ์คล้ายๆกับชาร์จไร้สายในสมาร์ทโฟนที่แค่เอาไปวางไว้ อยากใช้ก็หยิบมาใช้ ถ้าใครอยู่คอนโดหรือบ้านดีไซน์เก๋ๆก็เหมือนของตกแต่งบ้านแนวไฮเทคชิ้นนึง (อันนี้มโนไปเอง ถถถถ )

หรือใครชอบแบบมีสาย ไม่อยากเจาะฝาผนังก็เสียบชาร์จแบบทั่วๆไปได้ครับ ชาร์จจาก 0 – 100%  ใช้เวลาราวๆ 5 ชั่วโมง


การใช้งานจริง
ปกติแล้วผมจะใช้อยู่ 4-5 อย่างครับ ดูดฝุ่นพื้นห้อง , ที่นอน , ฝ้า-เพดาน (อันนี้นานๆครั้ง) แล้วก็ริมระเบียงเดี๋ยวมาดูกันครับว่าเป็นไงบ้าง

1.พื้นห้อง

** ก่อนทำความสะอาด **


** หลังทำความสะอาด **



Note :พื้นห้องส่วนใหญ่เป็นฝุ่นชิ้นใหญ่กับเส้นผมของกวางน้อย หัว fluffy (อันในภาพ) ผมใช้บ่อยสุด รู้สึกมันสะอาดดี ดูดแรง มีขนนุ่มๆเหมือนถูพื้นเบาๆไปด้วยหน่อยนึง

2.ที่นอน , ใต้เตียง

** ก่อนทำความสะอาด **

** หลังทำความสะอาด **





Note : เตียงนอนดูเหมือนไม่ค่อยจะมีอะไร แต่จริงๆเตียงนอนมันมีพวกไรฝุ่นค่อนข้างเยอะนะ ถ้าคนแพ้ไรฝุ่นนี่น่าจะซักบ่อยหน่อย ( ส่วนตัวไม่ได้ได้แพ้ฝุ่นอะไร ) ลองใช้หัวดูดไรฝุ่นดู โอโห ... แลดูเป็นคนซกมกไปเลย ฮ่าๆ (หัวดูดแรง มีขนเหมือนแปรงแข็งๆตะกรุยฝุ่น ถ้าจะใช้จับผ้าปูหรือหมอนไว้ให้แน่นๆนะครับ) ส่วนใต้เตียงเน้นใช้พวกท่อหดกับปากดูดใหญ่ๆหน่อยก็พอครับ

3.ฝ้าเพดาน

** ก่อนทำความสะอาด ** 


** หลังทำความสะอาด ** 



Note : ฝ้าเพด้านถ้ามีไม้กวาดหยากไย่หรือถ้าไม่สูงมากก็ใช้ไม่กวาดแหย่ๆเอา แหย่เสร็จก็ต้องมากวาดซ้ำ ตอนนี้ดูดรวดเดียวจบ ถ้าสูงไปก็ต่อท่อยาวครับ ง่ายดี มีข้องอแถมมาให้ด้วย(จริงๆเค้าเอาไปใช้กับพวกดูดฝุ่นในรถยนต์นะ แอบเอามาใช้ ก็ใช้ได้ครับ)

4.ริมระเบียง

** ก่อนทำความสะอาด ** 


** หลังทำความสะอาด ** 



Note : ริมระเบียงส่วนใหญ่จะเป็น ใบไม้ ฝุ่น ทรายที่ปลิวตามลมมา ก็เปลี่ยนไปใช้ท่อยาวกับหัวดูดปากใหญ่ๆครับง่ายดี

วิธีการเทขยะ / ฝุ่นที่ดูด
รุ่นนี้ดึงสลักคล้ายๆสลักระเบิดที่เราเห็นตาม TV  มันจะมีหัวสีแดงๆโผล่ขึ้นมาตามภาพ ดึงปึ๊ก! ฝามันก็จะเปิด

  
     ฝุ่นที่เราจะเทมันก็จะร่วงลงด้านล่าง เสร็จแล้วตบสลักลงเบาๆ มันจะเหมือนเราเขย่าให้ฝุ่นที่ยังไม่ออกล็อตแรกออกให้หมดเป็นรอบที่สอง


     เสร็จแล้วก็ช้อนฝาจากด้านหน้าเข้ามาปิด สรุปทุกขึ้นตอน มือเราจะไม่โดนฝุ่นเลย


ความรู้สึกหลังใช้งาน
     ใช้งานมือเดียวได้ดีระดับนึงไม่หนักมากครับ แต่ถ้าต่อท่อสูงๆ หรือหัวดูดที่หนักมากๆ ยังไงก็ต้องสองมือช่วยกันประคองอยู่ดี (หล่นมาทีน้ำตาเล็ด แพงอิบอ๋าย)


     ปุ่มปรับความแรงมี 2 ระดับ คือ ธรรมดา กับแรงมาก ใช้งานทั่วไประดับธรรมดาก็เกินแกงละครับ แรงมากนี่ส่วนใหญ่จะปรับเอาสะใจเล่นมากกว่า แบบตามซอกที่เราไม่เคยทำความสะอาดจริงๆ

ไฟบอกสถานะมีทั้งสองข้างครับ ถือบางคนถนัดซ้าย บางคนถนัดขวาจะได้ไม่ต้องพลิกกลับไปกลับมาไปดู % แบตเตอรี่

ความแรง
     เทียบกับพวกเครื่องใหญ่ๆ ผมว่าเครื่องใหญ่ดูดแรงกว่าหน่อยนึงนะ แต่เจ้านี่ได้ในเรื่องของการใช้คล่องตัวกว่ากับไม่ต้องลากสายให้วุ่นวายมาแทนที่ ก็ต้องแลกกันไป

     ระยะเวลาการใช้งานแบบใช้ๆหยุดๆ อยู่ได้ราวๆ 2 ชั่วโมงครึ่ง – 3 ชั่วโมง ถ้านับเป็นห้องก็ได้ประมาณ 2 ห้องเต็มๆ ดังนั้นใครบ้านกว้าง ห้องเยอะ อันนี้ต้องคิดเผื่อนิดนึงนะครับว่าพอหรือเปล่า ( ห้องผมขนาด 6*10 เมตรโดยประมาณไม่รวมระเบียง )

ถ้าให้คะแนนความพอใจ ส่วนตัวผมให้ 8.5 เต็ม 10แล้วกัน  (เกิดมาเพิ่งเคยใช้แบบไร้สายครั้งแรก เอาตามความรู้สึกล้วนๆเลย


สรุปสั้นๆเท่าที่นึกออ
ข้อดี
-           ออฟชั่นเยอะ เทคโนโลยีใหม่
-           ประกัน 2 ปี ศูนย์+อะไหล่หาง่าย (ถ้าเป็นแบบมีสาย ประกัน 5 ปี)
-           น่าจะเป็นเจ้าเดียวที่ออฟชั่นเยอะขนาดนี้แล้วถือมือเดียวได้
-           งานประกอบดี ไม่กิ๊กก๊อก
-           แบตกับที่ชาร์จเจ๋งดี ดูไฮโซนิดๆ
-           เหมาะกับคอนโด ห้องพัก บ้านหลังเล็กๆ
-           เหมาะกับคนบ้านหลายชั้นหลายห้อง ขนย้ายไปนู่นมานี่สะดวกดี
-           ใช้งานกับรถยนต์ได้ง่าย ไม่ต้องลากสาย ใครอยู่คอนโดนี่เข้าทางเลย

ข้อพิจารณา
-           ราคาค่อนข้างสูง ตัวต่ำสุดอยู่ที่ 12,900 บาท ตัวกลางก็สองหมื่นกลางๆ ตัวท็อปสุดแบบตัวนี้ก็สองหมื่นปลายๆ
-           ระยะเวลาในการชาร์จครั้งนึงนานไปหน่อย ถ้าต้องการใช้ทั่วทั้งบ้านในครั้งเดียวน่าจะมีปัญหา แต่ถ้าทำความสะอาดทีละห้อง อันนี้สบาย
-           ไม่เหมาะกับคนบ้านกว้างมาก



   ส่งท้าย : สำหรับคนที่ต้องการจะซื้อ เนื่องจากจำหน่ายโดย CMG ดังนั้นห้างเดอะมอล - เซ็นทรัลในกรุงเทพแทบทุกสาขามีศูนย์ Dyson หมด (เช็คได้ที่ลิงค์นี้) หรือใครชอบ Online ใน Central Online / Lazadaเองก็มีจำหน่ายอยู่เหมือนกันครับ ส่วนระบบผ่อนตอนนี้ผ่อนหน้าร้านทุกที่ 0% 10 เดือน